ข้อคิดและบทความ (1)

" ความคิดต่าง "

การที่ศิษย์คิดต่างจากครู ไม่ใช่การหมิ่นครู
เป็นเพียงคิดต่างเท่านั้น
ครูที่ดีจะชอบศิษย์ที่คิดต่าง
แสดงว่าศิษย์รู้จักคิด แบบนี้ครูชอบ
ศิษย์แบบนี้พัฒนาความรู้ของครูได้
ครูที่ดีไม่ชอบศิษย์ที่เอาแต่คิดคล้อยตาม
ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง
ศิษย์แบบนี้พัฒนาความรู้ของครูไม่ได้

เราควรจะปรับวิธีคิดเกี่ยวกับการเรียนการสอนใหม่
มิฉะนั้นความรู้ของบรรพบุรุษจะสูญหายไม่พัฒนา

ยส พฤกษเวช


“ ร้อยคัมภีร์เข้าด้วยกัน ”

วลีนี้พูดง่ายแต่ทำยาก

ผู้ที่จะร้อยคัมภีร์เข้าด้วยกัน
ต้องรู้แจ้ง ตกผลึก ได้ความรู้รวบยอด
ในแต่ละคัมภีร์
แล้วร้อยความรู้รวบยอด แต่ละคัมภีร์
เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็น “ องค์ความรู้ ”

การร้อยคัมภีร์เข้าด้วยกัน
ไม่ใช่นำเนื้อหาของคัมภีร์หนึ่ง
ไปผสมกับอีกคัมภีร์หนึ่ง

ยส  พฤกษเวช


" คัมภีร์แพทย์ องค์ความรู้ "

คัมภีร์แพทย์ไม่ใช่องค์ความรู้
คัมภีร์แพทย์เกิดจากองค์ความรู้
องค์ความรู้ เกิดจากประสบการณ์
จากการเรียน การปฏิบัติ จนเกิดทักษะ
ตกผลึกเป็นความคิดรวบยอด

ที่ผ่านมายังไม่มีการวิเคราะห์หาองค์ความรู้
มีแต่เรียนคัมภีร์แพทย์ ท่องจำตาม ๆ กันมา
นี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การแพทย์แผนไทย
ไม่มีการพัฒนาต่อยอด ปรับใช้เหมาะยุคสมัย
ถึงเวลาที่จะต้องสังคายนาแพทย์แผนไทย อย่างจริงจัง

ยส  พฤกษเวช


“ ลีลา รูปแบบ ”

หมอไทย แต่ละท่าน
มีลีลา หรือ รูปแบบ การรักษา แตกต่างกัน
ทั้ง การตรวจ วินิจฉัย การจ่ายยา บำบัดรักษา
แบบนี้ไม่ถือว่า ไม่มี มาตรฐาน

หมอไทย มีองค์ความรู้ เดียวกัน
คือ การเข้าถึง “ ธรรมชาติ ”
ลีลา หรือ รูปแบบ อาจแตกต่างกัน
ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบเดียวกัน
เป็นความงามของ “ การประกอบโรคศิลป์ ”

ยส พฤกษเวช


“ กินพิษ ดับความอยาก ดับกระหาย ”

คนมักกิน ดื่ม อาหาร เครื่องดื่ม ยา
เพื่อดับความอยาก ความชอบของตนเอง
อาหาร เครื่องดื่ม ยา ทุกชนิด
มีทั้งคุณ และ โทษพร้อม ๆ กันเสมอ

เราจึงควรมีสติ พิจารณาอย่างรอบคอบ
ทุกครั้งที่จะนำอาหาร เครื่องดื่ม ยา เข้าปาก
อาหาร เครื่องดื่ม ยา กินเป็นก็เป็น สรรพคุณ
อาหาร เครื่องดื่ม ยา กินผิดก็เป็น พิษ

คนส่วนมากมักชอบกินอาหารที่เป็นพิษต่อร่างกายตัวเอง
หรือชอบกินอาหาร เครื่องดื่ม ยา อย่างต่อเนื่อง
นานไป กลายเป็นพิษ ทำร้ายร่างกาย จนป่วยไข้
ควรกินอาหารที่หลากหลาย ไม่ซ้ำซาก จำเจ
ควรกินยาที่หมอจัดให้ ไม่ซื้อยากินเอง

ยส พฤกษเวช


“ ช่างสังเกต ”

“ ช่างสังเกต ” เป็นคุณวิเศษ ของหมอ
ผู้ที่รักการเป็นหมอ ต้องเป็นผู้ที่ ช่างสังเกต
สังเกต ธรรมชาติ

ธรรมชาติของ สรรพสิ่ง
ธรรมชาติของ มนุษย์
ธรรมชาติของ สิ่งแวดล้อม
ธรรมชาติของ โรค
ธรรมชาติของ คนไข้
ธรรมชาติของ เครื่องยา
ธรรมชาติของ ฤดู กาล

เข้าใจธรรมชาติ เข้าสู่ความเป็น หมอ

ยส พฤกษเวช


" คิดแบบหมอไทย "

เรียนแพทย์แผนไทย
กินยาไทย เป็นหมอไทย
เป็นครูแพทย์แผนไทย
พัฒนาแพทย์แผนไทย
ประยุกต์แพทย์แผนไทย

วิจัยแพทย์แผนไทย
สังคายนาแพทย์แผนไทย
ผู้ทรงคุณวุฒิแพทย์แผนไทย
กรรมการวิชาชีพแพทย์แผนไทย

สิ่งแรกที่ต้องมี คือ “ หลักคิดหมอไทย “
เข้าใจถึง แก่น ราก ของหลักคิด

" ไม่รู้รากแล้วจะพัฒนาต้น ใบ ดอก ลูก ฝัก ได้อย่างไร"“

ยส พฤกษเวช


" รากแก้วหมอไทย "

หมอไทย เดิมเรียก หมอแผนโบราณ หมอพื้นบ้าน
หมอไทย รับใช้สังคมด้วยดีเสมอมา

หมอไทย เป็นที่พึ่งของผู้สิ้นหวัง จากป่วยไข้
หมอไทย ไม่ใช่จะเป็นง่าย ๆ

หมอไทย ต้องมีใจรักที่จะเป็นหมอ
หมอไทย ต้องมีพรหมวิหาร ๔

หมอไทย ต้องมีพรสวรรค์
หมอไทย ต้องมีสติ มีปัญญา

หมอไทย ต้องรู้ในสิ่งที่คนทั่วไปไม่รู้
หมอไทย ไม่ใช่หมอพาณิชย์

หมอไทย คือชาวบ้านที่ต้องต่อสู้เพื่อชีวิต
หมอไทย ถูกทำให้แตกแยก

หมอไทย แบ่งเป็นประเภท
.....แพทย์แผนไทยประเภท ก.
.....แพทย์แผนไทยประเภท ข.
.....แพทย์แผนไทยประยุกต์

แพทย์แผนไทยประเภท ก. เป็นหมอไทยพันธ์แท้
แพทย์แผนไทยประเภท ก. หมอไทยไม่กลายพันธ์
แพทย์แผนไทยประเภท ก. เป็น “ รากแก้วหมอไทย “

ต้นไม้ที่ไร้รากแก้ว ยากที่จะยืนหยัดอยู่ได้

ยส พฤกษเวช


" แผ่เมตตา ยอดยารักษาตับ "

วิธีใช้

แผ่ก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น
และก่อนนอน ทำบ่อย ๆ จนเป็นนิสัย
ทำจนละความโกรธได้ยิ่งดี

ผู้เป็นบัณฑิตย่อมรักการแผ่เมตตา
มีสรรพคุณรักษาสรรพโรค
ใช้บทสวดมนต์เป็นกระสายยาร่วมด้วย
จะมีสรรพคุณมากยิ่งขึ้น
กล่อมตับดีนักแล

ไม่ต้องพึ่งหมอ ไม่พึ่งยา พึ่งตนเอง
วิเศษนัก ใช้ได้ผลมามากแล้ว

ยส พฤกษเวช


" ธาตุไม่ปกติ "

ปกติร่างกายขับพิษตลอดเวลา
ในรูปของ อุจจาระ ปัสสาวะ
เหงื่อ รอบเดือน ลมหายใจออก
น้ำมูก ขี้ตา เป็นต้น

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะร่างกายได้รับพิษ
ตลอดเวลา จาก อาหาร อากาศ
อารมณ์ สิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

ดังนั้นหากขบวนการขับพิษมีปัญหา
ติดขัด หยุดชะงัก จะทำให้เกิดการ
สะสมพิษหรือของเสีย เน่าเสียอยู่ภายใน
เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น อยู่ตลอดเวลา
นานเข้าก็ก่อโรคร้าย เจ็บป่วยได้

ขบวนการขับพิษมีปัญหานั้น
มักเกิดภาวะที่เรียกว่า “ ธาตุไม่ปกติ “

ยส พฤกษเวช


" เหตุที่ไม่ควรดื่มน้ำชาเย็น "

เพราะจะทำให้เกิดภาวะกระเพาะเย็น
ระบบทางเดินอาหารจะมีปัญหาในการทำงาน
ย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหาร
ตลอดจนการขับถ่ายครับ
หรือโบราณเรียกว่า “ ธาตุพิการ “

เพราะถ้าหากธาตุพิการแล้ว
โอกาสที่จะเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาครับ
เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ความดัน เบาหวาน
สุดท้ายระยะยาวอาจมีภาวะสมองเสื่อมได้ครับ

ชา ปกติมีฤทธิ์เย็นอยู่แล้ว
จึงไม่ควรดื่มขณะที่เย็นหรือทำให้เย็น
โบราณจึงจิบชา ( ไม่ใช่ดื่มนะครับ )
ขณะที่ยังร้อน ๆ อยู่ครับ ในปริมาณไม่มากครับ
จะมีประโยชน์กว่าครับ เช่นทำให้กระชุ่มกระชวย

ชำระไขมันจากอาหาร
ช่วยซ่อมแซมระบบทางเดินอาหาร
หรือช่วยปรับสมดุลนั่นเองครับ

ในกรณีของชาเขียวแช่เย็นยิ่งน่ากลัวนะครับ
เพราะมีการปรุงแต่งรสให้หวานหอมน่าดื่ม
ทำให้คนติดในรสชาด ดื่มมากยิ่งขึ้น
จึงทำให้มีโอกาสเกิดปัญหาธาตุพิการได้ง่าย
โอกาสที่จะเกิดโรคเบาหวานได้ง่ายด้วยครับ

ยส พฤกษเวช


" เลือดดี สมองดี
เลือดเสื่อม สมองเสื่อม "

แพทย์แผนไทย มีแนวทาง
ฟื้นฟูภาวะสมองเสื่อมได้อย่างดี

ยส พฤกษเวช



" ห้ามซื้อยากินเอง "

เมื่อเจ็บป่วย ดูแลสุขภาพ ควรปรึกษาหมอ
ไม่ควรซื้อยามากินเอง
ไม่ว่าจะเป็นน้ำหมัก น้ำด่าง น้ำย่านาง
ซื้อยาจากผู้จำหน่ายที่โฆษณาอยู่ทั่วไป
รับแจกยาโดยไม่ได้ตรวจ วินิจฉัย จากหมอ

ผู้ป่วยต้องได้รับยาจากหมอ ตรวจ วินิจฉัยแล้ว
กินยาไทย ต้องใช้หมอไทย ตรวจ วินิจฉัย แบบไทย
ไม่ใช่ตรวจ วินิจฉัยแบบแผนปัจจุบัน แต่กินยาไทย

หมอไทยควรมีองค์ความรู้ในการตรวจ วินิจฉัย แบบไทย
มิใช่อ้างแต่คัมภีร์ ใช้ยาในคัมภีร์ โดยไม่ได้ตรวจ วินิจฉัย
ไม่ดูว่า ยาในคัมภีร์ เหมาะสมหรือไม่ ดูแต่อาการที่คล้ายกัน
คัมภีร์เป็นบันทึกของหมอโบราณ ไม่ใช่ตัวองค์ความรู้

ยส พฤกษเวช


" ฉายแสงรักษาโรค "

แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า
เป็นแสงที่ฉายรักษาโรค
ได้ทุกสรรพโรค ไม่เสียเงิน
ไม่มีผลเสียข้างเคียง

ยส พฤกษเวช


" การนวด "

การนวดเป็นวิธีการหนึ่ง ที่หมอใช้
ในการบำบัด ความเจ็บไข้
ความไม่สบายของมนุษย์
ไม่ว่าการนวดนั้น จะมีชื่อสมมุติอย่างไร
นวดแบบไหน นวดเพื่อบำบัด เพื่อผ่อนคลาย
มันก็เป็นการช่วยเพื่อนมนุษย์ ให้พ้นทุกข์ได้

ยส พฤกษเวช


" ฉันรักแพทย์แผนไทย "

แพทย์แผนไทย สอนให้ฉัน รู้ รักษ์ สุขภาพ
แพทย์แผนไทย สอนให้ฉัน รู้ รักษ์ ประชาชน
แพทย์แผนไทย สอนให้ฉัน รู้ รักษ์ ภูมิปัญญาไทย
แพทย์แผนไทย สอนให้ฉัน รู้ รักษ์ สมบัติของแผ่นดิน

ยส พฤกษเวช


" การพึ่งพา "

การพึ่งพา คือภาวะ “ การพึ่งตนเองไม่ได้ “
ประเทศไทย อยู่ในภาวะพึ่งตนเองไม่ได้
ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม
ปลูกข้าว ยังต้องพึ่ง ปุ๋ยจากต่างประเทศ

แพทย์แผนปัจจุบัน เราพึ่ง ปัญญาต่างชาติ
มีค่าใช้จ่ายสูง เป็นภาระของชาติอย่างมาก
คนในชาติต้องแบกภาระ “ ซื้อปัญญาต่างชาติ “

แพทย์แผนไทย แพทย์พึ่งตนเอง ไม่พึ่งพา
พึ่งปัญญาตนเอง ไม่พึ่งปัญญาต่างชาติ
รู้ รักษ์ ภุมิปัญญา รู้ รักษ์ สมบัติของแผ่นดิน
เกิดเป็นคนไทยต้องรู้ รักษ์ แพทย์แผนไทย

ยส พฤกษเวช


" ไม่กิน เพื่อสุขภาพ "

ไม่กิน อาหารมากกว่าอิ่ม ให้กินพออิ่ม
ไม่กิน อาหารน้อยยิ่งนัก
ไม่กิน อาหารล่วงเลยเวลา ให้กินตรงเวลา
ไม่กิน อาหารหลังหกโมงเย็น

ไม่กิน อาหารแสลง
ไม่กิน อาหารที่ชอบอย่างเดียว
ไม่กิน อาหารแปลกที่ไม่เคยกิน
ไม่กิน อาหารขณะที่มีความเครียด

ไม่กิน อาหารแล้วนอน
ไม่กิน อาหารแล้วนั่งเฉย
ไม่กิน อาหารย่อยยาก
ไม่กิน อาหารผัด อาหารทอด ปิ้งย่างจนไหม้เกรียม

ไม่กิน อาหารจุกจิก
ไม่กิน อาหาร หวาน ไขมันสูง เกินไป
ไม่กิน อาหารรสจัด
ไม่กิน อาหารอุตสาหกรรม ฟาสต์ฟูด

ไม่กิน อาหารบูด อาหารเน่า
ไม่กิน อาหารตามใจปาก

ยส พฤกษเวช


" ตับ "

ตับ ในแพทย์แผนไทย เป็นที่ตั้งสำคัญของ ปิตตะ
ควบคุมดูแล การย่อยสลาย ทำลายพิษ ขับพิษ
สร้างภูมิคุ้มกัน ควบคุมปริมาณเลือด คุณภาพของเลือด
ช่วยกระจายเลือด มีปฏิสัมพันธ์กับอารมณ์ และจิตใจ
คุณภาพของตับสังเกตได้ที่ดวงตา เพราะตาเป็นทวารของตับ

ยส พฤกษเวช


" คนไข้ ในสายตาของแพทย์แผนไทย "

คนไข้ในสายตาของแพทย์แผนไทย เขาคือ เพื่อน
เพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมโลกเดียวกับเรา

เราไม่เคยคิด หรือปรารถนาที่จะสร้างความมั่งคั่ง
หรือความร่ำรวย บนความทุกข์ของเพื่อน
ที่ปรารถนา คือ ปลดเปลื้องความทุกข์ให้กับเพื่อน

ยส พฤกษเวช


การพัฒนาแพทย์แผนไทยให้เจริญก้าวหน้า
เพียงเราทำหน้าที่ในสายอาชีพของตน
ด้วยความซื่อสัตย์ จริงใจ หมั่นศึกษา
หาความรู้ รักและสามัคคีกัน เพียงเท่านี้
ก็เป็นการพัฒนาแพทย์แผนไทยแล้ว
เพียงเริ่มต้นทำแค่นี้เราก็จะได้รับการยอมรับแล้ว
โดยไม่ต้องคิดไปแข็งขันกับใคร คิดไปเทียบกับใคร

แพทย์แผนปัจจุบัน ได้สร้างค่าสุขภาพเกี่ยวกับ
ค่าความดัน ค่าเบาหวาน ค่าไขมัน ค่าเลือด ค่าต่าง ๆ มากมาย
สร้างค่าสุขภาพไว้จนเป็นที่น่ากลัว และการรักษาก็จะมุ่งไปที่
ค่าตัวเลขสุขภาพต่าง ๆ ยิ่งเป็นการสร้างภาพให้เกิดความน่ากลัว
เกิดความทุกข์แก่คนไข้ โดยหลีกเลี่ยง ละเลย ความสุขโดยรวมของคนไข้
เป็นการมุ่งรักษาโรค ดูแลค่าตัวเลขต่าง ๆ ทางสุขภาพที่ตนเองสร้างขึ้น
ไม่ได้มุ่งที่จะรักษาคนไข้ โดยพิจารณาในองค์รวม
ภาพรวมสุขภาพ ความสุขกาย สุขใจของคนไข้

การเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรม การกิน การอยู่
เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ปวดข้อ
สมองเสื่อม ไขมันสูง ภูมิแพ้ ไมเกรน กรดไหลย้อน ฯ ล ฯ
การบำบัดรักษาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งต้องทำด้วยตัวเอง
ต้องพี่งตนเอง ไม่ใช่พึ่งแต่หมอ พึ่งยาของหมอ
พึงรู้ไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีหมอเทวดา ยาวิเศษ
ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ใช่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร
เพราะในโลกนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร
ควรยึดหลักทางพุทธศาสนา ในหลักคิด โยนิโสมนสิการ
หลักคิด อิทัปบัจจยตา
“ มนุษย์ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร “

ยส พฤษเวช


การเจ็บป่วยที่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรม การกิน การอยู่
เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดหัวใจ ปวดข้อ
สมองเสื่อม ไขมันสูง ภูมิแพ้ ไมเกรน กรดไหลย้อน ฯ ล ฯ

การบำบัดรักษาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งต้องทำด้วยตัวเอง
ต้องพี่งตนเอง ไม่ใช่พึ่งแต่หมอ พึ่งยาของหมอ
พึงรู้ไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีหมอเทวดา ยาวิเศษ

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ใช่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร
เพราะในโลกนี้ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร
ควรยึดหลักทางพุทธศาสนา ในหลักคิด โยนิโสมนสิการ
หลักคิด อิทัปบัจจยตา
“ มนุษย์ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร “

ยส พฤษเวช



" หากเธอต้องการเป็นหมอที่เชี่ยวชาญ เธอต้องเข้าใจธรรมชาติ
เข้าใจธรรมชาติในยามปกติ เข้าใจธรรมชาติในยามผิดปกติ "

ปฐมบทคำสอนที่ได้รับจากครูของข้าพเจ้า

ยส พฤษเวช


" โรคเวรโรคกรรม " 

โรคเวรโรคกรรมหมายถึง โรคที่เกิดจากชะตากรรม
การกระทำของตนในอดีตที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ
 เนิ่นนาน เรื้อรังเรื่อยมา เมื่อถึงระดับหนึ่ง ร่างกายรับไม่ไหว
จึงแสดงอาการเจ็บป่วยออกมา
วิธีการที่จะรักษา ให้หายจากโรคเวรโรคกรรมได้
หนทางเดียวก็คือ ต้องแก้กรรม หมายความว่า
เราจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา ทั้งเรื่องการกินการอยู่
การดำรงตนให้เหมาะสม สอดคล้องกับธรรมชาตินั่นเอง

ยส พฤกษเวช







1 ความคิดเห็น: